วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

เดิมพันกีฬา ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

เดิมพันกีฬา ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ วันเสาร์ที่ 28 กันยายน 2556 มีเตะกันหลายคู่ เรานำมาให้ท่านได้ติดตาม เริ่มกันที่ ไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ เปิดไวท์ ฮาร์ท เลน เสมอกับ เชลซี 1-1 สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี  ส่ง เฟร์นันโด ตอร์เรส ยืนหัวหอกตัวจริง โดยมี แฟร้งค์ แลมพาร์ด,ออสการ์ และ  เอแดน อาซาร์ คุมแผงแนวรุก บุกถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน ที่มี โรเบร์โต้ โซลดาโด้ เป็นตัวความหวังของทีม เริ่มเกมมา 12 นาที เจ้าบ้าน ได้ลูกฟรีคิก เปิดโดย คริสเตียน เอริคเซ่น ไปที่หน้าประตู ยาน แฟร์ทองเก้น ได้โหม่ง แต่บอลยังไม่เข้ากรอบ ถัดมานาทีที่ 19 สาวกไก่ ได้เฮกันลั่น เมื่อ คริสเตียน เอริคเซ่น พาบอลลุยเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนเปิดเข้ากลางให้ โรเบร์โต้ โซลดาโด้ แปะบอลให้ กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน ดึงบอลหลบ จอห์น เทอร์รี่ ยิงสวนตัว ปีเตอร์ เช็ก เข้าไป สเปอร์ส ขึ้นนำ 1-0 ช่วงท้ายครึ่งแรก สเปอร์ส ชวดได้ประตูเพิ่มอย่างน่าเสียดาย เมื่อ แอนดรอส ทาวน์เซนด์ จ่ายบอลทะลุช่องให้ เปาลินโญ่ หลุดไปยิงผ่าน เช็ก ไปแล้ว แต่บอลไปชนเสาเต็มๆ หมดครึ่งแรก สเปอร์ส จึงนำ เชลซี อยู่ 1-0 นาทีที่ 64 เชลซีไล่ตีเสมอเป็น 1-1 มาต้า เปิดฟรีคิกมาที่หน้าประตูให้ จอห์น เทอร์รี่ วิ่งโฉบมาโหม่งตุงตาข่าย ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ หมดเวลา สเปอร์ส จึงเปิดบ้านเสมอกับ เชลซี ไปอย่างสนุก 1-1
เดิมพันกีฬา ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ วันเสาร์ที่ 28 กันยายน 2556 คู่ต่อมาเป็น สิงห์ผยอง โชว์ฟอร์มเยี่ยม เปิดวิลล่า พาร์ค พลิกแซงเอาชนะ เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3 ประตูต่อ 2 คว้าชัยในพรีเมียร์ลีก นัดที่ 2 ติดต่อกัน แอสตัน วิลล่า ปรับทัพเยอะ โดยไม่มี คริสติย็อง เบนเตเก้ กับ กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ ในแดนหน้า ต้องใช้ อันเดรียส ไวมันน์ ประสานงานกับ ลิบอร์ โคซัค ศูนย์หน้าตัวใหม่ที่ยิงประตูชัยนัดก่อน ทางด้านทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ปรับหลายจุด เจมส์ มิลเนอร์ ถูกเลือกลงแดนกลางแทน เฆซุส นาบาส ที่หลุดเป็นสำรอง และ เอดิน เชโก้ ยืนกองหน้าคู่ อัลบาโร่ เนเกรโด้ แทน เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่ไม่ฟิตสมบูรณ์ ครึ่งแรก เกมรุกของทั้งสองทีมไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร แม้ เรือใบสีฟ้า จะมีโอกาสมากกว่าเล็กน้อย ยาย่า ตูเร่ ยิงแฉลบเข้ามือ แบร๊ด กูซาน และอีกครั้ง เอดิน เชโก้ ยิงไกลก็โด่งข้ามคาน นาทีสุดท้ายครึ่งแรก เรือใบสีฟ้า ได้เตะมุมหลังจาก ยาย่า ตูเร่ ยิงไกลแฉลบเฉี่ยวเสานิดเดียว นาสรี่ เปิดไปที่เสาแรก มีตัวโหม่งเช็ดมาให้ ยาย่า ตูเร่ ยืนแปด้วยขวาโล่งๆ แต่ติดตัว กูซาน แต่บอลก็ยังปลิ้นเข้าไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำ 1-0 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้ ครึ่งหลัง แอสตัน วิลล่า ตามตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 51 เลอันโดร บาคูน่า ดึงกองหลังทีมเยือนรุม 3 คน แล้วจ่ายหลุดไปให้ คาริม เอล อาห์มาดี้ ที่ยืนเหลื่อมล้ำหน้าอยู่ หลุดโล่งๆ ในกรอบโทษ แต่ไม่มีธงยก เลยจัดการยิงด้วยขวาเสียบมุม ทว่า 5 นาทีถัดมา เรือใบสีฟ้า ก็กลับขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 จากลูกเตะมุมทางซ้ายเหมือนเดิม ซามีร์ นาสรี่ เปิดไปให้ เอดิน เชโก้ โหม่งที่เสาแรกเช็ดเสียบเสาไกลอย่างสวยงาม ถัดมานาทีที่ 73 เจ้าบ้านก็ตีเสมอ 2-2 สำเร็จ จากฟรีคิกระยะหวังผลประมาณ 25 หลา เลอันโดร บาคูน่า กองกลางดัตช์ ปั่นด้วยขวาข้ามกำแพงเสียบใต้คานเข้าไปอย่างสวยงาม 2 นาทีถัดมา วิลล่า พลิกสถานการณ์แซงนำ 3-2 แบร๊ด กูซาน เซฟลูกยิงของ โคลารอฟ แล้วสาดยาวขึ้นหน้าทันที โคซัค ปรี่หาบอลแต่เตะไม่โดน บอลกระดอนพื้นข้ามแนวรับไปหา อันเดรียส ไวมันน์ หลุดเดี่ยวทันที โจ ฮาร์ท ก็ออกมาทะเล่อทะล่า เลยโดนศูนย์หน้าทีมชาติออสเตรียจิ้มผ่านตัวแล้วค่อยๆ กลิ้งเข้าประตูไป จบเกม แอสตัน วิลล่า พลิกเชือด แมนฯ ซิตี้ 3-2 คว้าชัยในลีกนัดที่ 2 ติดต่อกัน
เดิมพันกีฬา ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ วันเสาร์ที่ 28 กันยายน 2556 คู่ต่อมาเป็น สวอนซี เปิดสนามลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม พ่ายให้กับ อาร์เซน่อล 1 ประตูต่อ 2 เริ่มเกมมา 6 นาที เป็นฝ่าย เจ้าถิ่น สวอนซี ได้ยิงทักทายก่อน จากการซัดไกลของ จอนโจ เชลวี่ย์ แต่บอลโด่งข้ามคานไปเยอะ นาทีที่ 15 อาร์เซน่อล ได้เสียว เมื่อ มาติเยอ ฟลามินี่ ไหลบอลตรงกรอบเขตโทษให้ อารอน แรมซี่ย์ วิ่งมายิงเต็มข้อ บอลพุ่งเฉียดเสาออกหลังไปนิดเดียว ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก อาร์เซน่อล พลาดโอกาสขึ้นนำ ไม่น่าเชื่อ เมิ่อ เซร์เก นาบรี้ เลี้ยงลุยฝ่ากองหลังสวอนซี ไปจ่ายให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กดด้วยซ้านคนเดียว แต่บอลออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย หมดเวลาจึงเสมอกันอยู่ 0-0 เริ่มครึ่งหลังมาได้ไม่นาน อาร์เซน่อลก็ออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 58 จากจังหวะที่ อารอน แรมซี่ย์ ผ่านบอลให้ เซร์เก นาบรี้ หลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนยิงด้วยขวาเสียบเสาเข้าไป ถัดมานาทีที่ 62 ทีมเยือนยังโหมบุกอย่างต่อเนื่อง แจ๊ค วิลเชียร์ จ่ายบอลให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เลี้ยงเข้าเขตโทษก่อนผ่านบอลเข้ากลางให้ อารอน แรมซี่ ล็อกหลบ โฆเซ่ กันญาส ก่อนยิงเสียบเสาเข้าไป อาร์เซน่อล หนีห่างเป็น 2-0 ช่วงท้ายเกม นาทีที่ 82 เจ้าบ้านมาได้ประตูไล่มาเป็น 1-2 จากจังหวะที่ วิลเฟรด โบนี่ กระดกบอลเข้าเขตโทษให้ เบน เดวิส วิ่งเบียดกับ แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ก่อนส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย จบเกม อาร์เซน่อล บุกไปเอาชนะ สวอนซี 2-1 เก็บเพิ่มอีกสามแต้ม ขยับขึ้นนำเป็นจ่าฝูงแบบเดี่ยวๆ โดยมีแต้มนำ สเปอร์ส ทีมอันดับ 2 อริร่วมเมือง อยู่สองแต้ม
เดิมพันกีฬาฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ วันเสาร์ที่ 28 กันยายน 2556 คู่ต่อมาเป็น ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฟอร์มดูไม่จืด เปิดโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด พ่าย เดอะ แบ็กกี้ส์ เวสต์บรอมวิช คาถิ่นครังแรกในรอบ 35 ปี 1-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ หายเจ็บและฟิตทันกลับมาแล้วก็ตาม แต่เกมนี้มีชื่อที่ม้านั่งสำรองเท่านั้น โดยในแนวรุกเป็น เวย์น รูนี่ย์ จับคู่ ชิชาริโต้ ลงล่าตาข่ายก่อน รับการมาเยือนของ "เดอะ แบ็กกี้ส์" เวสต์บรอมวิช ที่ไม่มีชื่อของ นิโคล่า อเนลก้า ในเกมนี้ เริ่มเกมมา 10 นาที ทั้งสองทีมได้โอกาสเตะมุมฝั่งละครั้ง แต่ยังไม่มีจังหวะจะแจ้งในการลุ้นประตูด้วยกันทั้งคู่ นาทีที่ 24 ปีศาจแดง ได้โอกาสใกล้เคียงประตูครั้งแรก เมื่อได้ฟรีคิก นานี่ เปิดบอลไปหน้าประตู เวย์น รูนี่ย์ กระโดดขึ้นโขกคนเดียว แม้บอลจะเข้ากรอบ แต่ก็เบา โบอาซ มายฮิลล์ จึงรับเข้ามือไม่ยาก ช่วงท้ายครึ่งแรก สเตฟาน แซสเซญง ได้โอกาสซัดด้วยซ้ายจ่อๆ แต่บอลโด่งข้ามคานไปเยอะ หมดครึ่งแรก ทั้งสองทีมจึงเสมอกันอยู่ 0-0 ครึ่งแรก นาทีที่ 54 ทีมเยือนออกนำก่อน เมื่อ มอร์กก็อง อามัลฟิตาโน่ ได้บอลจากแดนตัวเอง ก่อนฉายเดี่ยว เลี้ยงจากครึ่งสนาม ผ่านแนวรับ ปีศาจแดง 3 คน ก่อนจะล็อคหลบ ริโอ เฟอร์ดินานด์ คนสุดท้าย ไปดวลเดียว ดาบิด เด เคอา ก่อนดึงจังหวะหลอกหนึ่งครั้ง และชิพข้ามตัว ดาบิด เด เคอา ไปอย่างเหนือชั้น เวสต์บรอมวิช บุกนำ 1-0 แต่ถัดไป 3 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไล่เสมอเป็น 1-1 เวย์น รูนี่ย์ ปั่นฟรีคิกเข้าประตูไป ถัดมานาทีที่ 67 ทีมเยือนได้เฮอีกครั้ง เมื่อ สเตฟาน แซสเซญง หยอดบอลให้ วิคเตอร์ อนิเชบี้ แปะคืนให้ ไซโด เบราฮิโน่ กดยิงไม่เหลือ เวสต์บรอมวิช บุกนำอีกครั้ง 2-1 นาทีที่ 85 นานี่ เปิดบอลเข้าไปหน้าประตูให้ มารูยาน เฟลไลนี่ แปจ่อๆส่งบอลตุงตาข่าย แต่อดได้ประตู เนื่องจาก ผู้ช่วยผู้ตัดสินตีธงล้ำหน้าไปก่อน ช่วงเวลาที่เหลือทำอะไรกันไม่ได้ หมดเวลา เวสต์บรอมวิช บุกเฉือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาบ้าน 2-1 เดิมพันกีฬา ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น